โรคอ้วนคืออะไร ทำไมถึงเกี่ยวข้องกับเบาหวาน

ปัญหาสุขภาพที่กำลังเป็นที่กังวลของคนไทยในปัจจุบันคือ “โรคอ้วน” ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่ปัญหาด้านรูปลักษณ์เท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยรวมอย่างรุนแรง ทั้งปัญหาเรื่องไขมัน เส้นเลือก กระดูก โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเชื่อมโยงระหว่างโรคอ้วนและโรคเบาหวาน ที่หลายคนอาจยังไม่เข้าใจถึงความสัมพันธ์ระหว่างสองโรคนี้ ว่ามีความเกี่ยวข้องกันอย่างมีนัยสำคัญ
โดยในบทความนี้ เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับโรคอ้วนให้มากขึ้น ทั้งความหมาย อาการ สาเหตุ ไปจนถึงความสัมพันธ์ระหว่างโรคอ้วนและโรคเบาหวาน และวิธีการป้องกันที่มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันไม่ให้โรคอ้วนทำร้ายร่างกาย จนกลายเป็นโรคเบาหวาน
โรคอ้วนคืออะไร
โรคอ้วนหรือภาวะน้ำหนักเกินมาตรฐาน คือ สภาวะที่ร่างกายมีการสะสมไขมันมากเกินความจำเป็น จนส่งผลเสียต่อการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกาย โดยการวินิจฉัยโรคอ้วนจะใช้ค่าดัชนีมวลกาย (Body Mass Index หรือ BMI) เป็นเกณฑ์หลัก โดยคำนวณจากน้ำหนัก (กิโลกรัม) หารด้วยส่วนสูง (เมตร) ยกกำลังสอง
สำหรับคนไทย ค่า BMI ที่เกิน 25 กิโลกรัม/ตารางเมตรขึ้นไปจะถือว่าคนๆ นั้นมีภาวะน้ำหนักเกิน และเมื่อค่า BMI เกิน 30 ขึ้นไปถึงจะจัดอยู่ในกลุ่มโรคอ้วน และนอกจากค่า BMI แล้ว การวัดรอบเอวก็เป็นอีกหนึ่งตัวชี้วัดว่าคนๆ นั้นมีภาวะโรคอ้วนหรือไม่ โดยสำหรับผู้ชายที่มีรอบเอวเกิน 90 เซนติเมตร และผู้หญิงที่มีรอบเอวเกิน 80 เซนติเมตรขึ้นไป จะถือว่าอยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับความอ้วน ไม่ว่าจะเป็นโรคอ้วน หรือปัญหาสุขภาพอื่นๆ ที่อาจตามมาในอนาคต
ปัจจัยเสี่ยงและสาเหตุของโรคอ้วน
สาเหตุของโรคอ้วนมีความซับซ้อนและไม่ได้เกิดจากปัจจัยเดียว แต่เป็นผลรวมของหลายๆ ปัจจัยที่ทำงานร่วมกันจนทำให้ร่างกายมีภาวะน้ำหนักเกิน โดยปัจจัยหลักที่ก่อให้เกิดโรคอ้วน สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 กลุ่มใหญ่ๆ ได้แก่
- ปัจจัยทางพันธุกรรม: หากมีประวัติครอบครัวเป็นโรคอ้วน โอกาสที่เป็นโรคอ้วนจะสูงขึ้น เนื่องจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรมมีผลต่อการเผาผลาญพลังงาน การควบคุมความหิว และการสะสมไขมันในร่างกาย จนทำให้เรามีความเสี่ยงเป็นโรคอ้วนได้ง่าย
- ปัจจัยด้านพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์: เช่น การบริโภคอาหารที่มีแคลอรีสูง การขาดการออกกำลังกาย การใช้ชีวิตแบบนั่งทำงานเป็นเวลานาน การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการนอนหลับไม่เพียงพอ พฤติกรรมการใช้ชีวิตเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อปริมาณพลังงานที่สะสมเป็นไขมัน และพัฒนาเป็นโรคอ้วนในที่สุด
- ปัจจัยทางการแพทย์: สำหรับโรคบางโรคหรือการใช้ยาบางชนิดก็สามารถเป็นสาเหตุของโรคอ้วนได้ เช่น โรคต่อมไทรอยด์ทำงานน้อย โรคข้ออักเสบ หรือการใช้ยาสเตียรอยด์ ยาต้านอาการซึมเศร้า และยาเบาหวานบางชนิด ที่มีผลต่อการเผาผลาญในร่างกาย จนทำให้เกิดไขมันสะสม น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น และกลายเป็นโรคอ้วนในที่สุด
- ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม: ไม่ว่าจะเป็นสภาพแวดล้อมทางสังคม เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม ที่ส่งเสริมให้เกิดการบริโภคอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ และลดโอกาสในการออกกำลังกาย ก็จะส่งต่อรูปแบบการใช้ชีวิตที่นำไปสู่ความเสี่ยงเป็นโรคอ้วนในที่สุด
อันตรายจากโรคอ้วน มีอะไรบ้าง
ผลกระทบจากโรคอ้วน สามารถส่งผลต่อปัญหาสุขภาพและระบบต่างๆ ภายในร่างกายอย่างรุนแรง ซึ่งสามารถแบ่งผลกระทบออกเป็นภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ดังนี้
- ภาวะแทรกซ้อนด้านระบบหัวใจและหลอดเลือด: โรคอ้วนทำให้เสี่ยงต่อโรคหัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง ความดันโลหิตสูง และโรคหลอดเลือดอุดตัน เนื่องจากไขมันส่วนเกินส่งผลต่อระบบไหลเวียนโลหิตและการทำงานของหัวใจ
- ภาวะแทรกซ้อนด้านระบบทางเดินอาหาร: รวมถึงโรคกรดไหลย้อน โรคนิ่วในถุงน้ำดี และโรคตับแข็ง เนื่องจากไขมันที่สะสมในอวัยวะต่างๆ รบกวนการทำงานปกติ
- ภาวะแทรกซ้อนด้านระบบกระดูกและข้อ: โดยเฉพาะโรคข้อเข่าเสื่อม การปวดหลัง และปัญหากระดูกสันหลัง เนื่องจากน้ำหนักส่วนเกินสร้างภาระให้กับระบบโครงสร้างร่างกาย
- ภาวะแทรกซ้อนด้านระบบหายใจ: เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ นอนกรน และภาวะหายใจลำบาก ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพการนอนและสุขภาพโดยรวม
นอกจากนี้ผู้ป่วยโรคอ้วนยังมีความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งบางชนิด รวมถึงปัญหาด้านสุขภาพจิต โรคเบาหวาน และปัญหาด้านการเจริญพันธุ์ได้อีกด้วย
โรคอ้วนและโรคเบาหวาน เกี่ยวข้องกันอย่างไร
ความสัมพันธ์ระหว่างโรคอ้วนและโรคเบาหวาน เป็นเรื่องที่ซับซ้อนและมีความเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด จากข้อมูลทางการแพทย์พบว่า ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 มากกว่า 80% มีภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน ซึ่งกลไกการเกิดโรคเบาหวานจากความอ้วนนั้น เริ่มต้นจากภาวะดื้อต่ออินซูลิน เมื่อร่างกายมีไขมันส่วนเกิน ไขมันเหล่านี้จะถูกย่อยสลายเป็นกรดไขมันอิสระและกลูโคส แล้วเข้าสู่กระแสเลือด เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ตับอ่อนจะต้องผลิตอินซูลินมากขึ้นเพื่อควบคุมระดับน้ำตาล
การทำงานหนักของตับอ่อนอย่างต่อเนื่องจะทำให้เซลล์ที่ผลิตอินซูลินเสื่อมสภาพลง ในขณะเดียวกัน เซลล์ต่างๆ ในร่างกายก็เริ่มมีการตอบสนองต่ออินซูลินลดลง ส่งผลให้เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน และในที่สุดจะพัฒนาเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ไปพร้อมกับโรคอ้วนในที่สุด
และภาวะอ้วนลงพุง หรือ Metabolic Syndrome ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำให้โรคอ้วนและโรคเบาหวานเกี่ยวข้องกัน เพราะเมื่อไขมันสะสมบริเวณช่วงเอวมากเกินไป ก็จะส่งผลต่อการเผาผลาญน้ำตาลและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นเบาหวานในร่างกายด้วย
วิธีป้องกันโรคอ้วน
การป้องกันโรคอ้วนที่ดีนั้น เป็นที่มีประสิทธิภาพมากกว่าการรักษาในภายหลัง โดยสามารถแบ่งวิธีการป้องกันออกเป็นหลายด้านๆ ที่ควรทำไปพร้อมๆ กัน ดังนี้
- ควบคุมอาหารและโภชนาการ: พื้นฐานสำคัญในการป้องกันโรคอ้วน คือการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ไขมันต่ำ และธัญพืชเต็มเมล็ด หลีกเลี่ยงอาหารที่มีแคลอรีสูง เช่น อาหารทอด อาหารหวาน และเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง เพื่อให้ร่างกายได้รับพลังงานที่พอดี ไม่มีพลังงานเหลือให้สะสมเป็นไขมัน
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ: แนะนำให้ออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 5 วัน โดยเลือกกิจกรรมที่เหมาะสมกับสภาพร่างกาย เช่น การเดิน การว่ายน้ำ การขี่จักรยาน หรือการเต้นแอโรบิค นอกจากนี้ควรเพิ่มกิจกรรมในชีวิตประจำวันที่มาการใช้แรง เช่น เดินขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟต์ เดินหรือขี่จักรยานไปทำงานในระยะใกล้
- จัดการความเครียดและนอนหลับให้เพียงพอ: ความเครียดและการนอนหลับไม่เพียงพอจะส่งผลต่อฮอร์โมนที่ควบคุมความหิวและการเผาผลาญ ควรนอนหลับให้เพียงพออย่างนั้น 7-8 ชั่วโมงต่อคืน และหาวิธีจัดการความเครียด เช่น การทำสมาธิ การฟังเพลง หรือการทำกิจกรรมที่ชื่นชอบก่อนนอน เพื่อร่างกายได้พักผ่อนเต็มที่
- ตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ: โดยหมั่นตรวจสุขภาพประจำปี ติดตามค่า BMI รอบเอวเป็นประจำ รวมถึงระดับน้ำตาล ไขมันในเลือด และความดันโลหิต เพื่อให้สามารถตรวจพบปัญหาสุขภาพต่างๆ ได้ตั้งแต่ในระยะเริ่มต้น
ผู้ป่วยโรคอ้วนควรใช้เครื่องวัดน้ำตาลหรือไม่
เนื่องจากผู้ป่วยโรคอ้วนมีความเสี่ยงสูงในการเป็นโรคเบาหวาน ผู้ที่มีโรคอ้วนจึงควรได้รับการติดตามระดับน้ำตาลอย่างสม่ำเสมอ การใช้เครื่องวัดน้ำตาลสำหรับตรวจเบาหวานด้วยตัวเองจึงเป็นวิธีการที่มีประโยชน์และสะดวกสบาย
โดยเครื่องตรวจเบาหวานต่างๆ จะมีเทคโนโลยีที่ช่วยให้การตรวจสอบระดับน้ำตาลสะดวกสบายขึ้น เช่น ฟีเจอร์พิเศษต่างๆ อย่างระบบแจ้งเตือนน้ำตาลต่ำ/สูง การเติมเลือดซ้ำบนแถบทดสอบเดิม และการเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันเพื่อเก็บข้อมูลการตรวจแต่ละครั้ง พร้อมกับตัวเลือกเครื่องวัดน้ำตาลในเลือดราคาต่างๆ ตั้งแต่รุ่นพื้นฐานไปจนถึงรุ่นพิเศษที่มีฟีเจอร์ครบครัน แต่สำหรับผู้ป่วยโรคอ้วนที่ยังไม่พัฒนาเป็นเบาหวาน ก็สามารถใช้เครื่องวัดน้ำตาลแบบเจาะเลือกในราคาเริ่มต้น เพื่อใช้ตรวจวัดระดับน้ำตาลไม่ให้อยู่ในจุดที่สุ่มเสี่ยงเกินไป ก็เพียงพอแล้ว
และด้วยความที่เครื่องตรวจเบาหวานสมัยใหม่มีความแม่นยำสูงและใช้งานง่าย ทำให้ผู้ป่วยสามารถทำการเจาะเลือดที่ปลายนิ้วเพื่อติดตามระดับน้ำตาลได้เองที่บ้าน หรือซื้อเครื่องตรวจเบาหวานไม่ต้องเจาะเลือดมาใช้งานในชีวิตประจำวัน โดยที่ไม่ต้องเดินทางไปใช้ที่ตรวจเบาหวานในสถานพยาบาลบ่อยๆ ครั้ง การใช้เครื่องวัดน้ำตาลอย่างสม่ำเสมอช่วยให้ผู้ป่วยโรคอ้วนสามารถ
และด้วยความที่เครื่องตรวจเบาหวานสมัยใหม่มีความแม่นยำสูงและใช้งานง่าย ทำให้ผู้ป่วยสามารถทำการเจาะเลือดที่ปลายนิ้วเพื่อติดตามระดับน้ำตาลได้เองที่บ้าน หรือซื้อเครื่องตรวจเบาหวานไม่ต้องเจาะเลือดมาใช้งานในชีวิตประจำวัน โดยที่ไม่ต้องเดินทางไปใช้ที่ตรวจเบาหวานในสถานพยาบาลบ่อยๆ ครั้ง การใช้เครื่องวัดน้ำตาลอย่างสม่ำเสมอช่วยให้ผู้ป่วยโรคอ้วนสามารถ
- ติดตามการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำตาล
- ตรวจพบภาวะก่อนเบาหวานได้เร็วขึ้น
- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินและการออกกำลังกายได้ทันท่วงที
- ลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง
เครื่องวัดน้ำตาลที่แนะนำสำหรับผู้ป่วยโรคอ้วน
CONTOUR®PLUS ELITE
เครื่องวัดน้ำตาลรุ่นพรีเมียมที่มาพร้อมกับความแม่นยำสูงและฟีเจอร์ครบครัน
คุณสมบัติเด่นของ CONTOUR®PLUS ELITE
- ความแม่นยำสูงตามมาตรฐานสากล
- ไฟสี smartLIGHT® ที่บอกสถานะน้ำตาลอย่างชัดเจน
- เทคโนโลยี Second-Chance® Sampling ที่อนุญาตให้เติมตัวอย่างเลือดซ้ำได้ใน 60 วินาที
- ตรวจง่าย ทำตามขั้นตอน เสียบ แตะ อ่าน
- ใช้งานร่วมกับแอพฯ CONTOUR®DIABETES สำหรับการจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูล
CONTOUR®PLUS ONE
เครื่องวัดน้ำตาลรุ่นกลางที่มีคุณสมบัติครบครัน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกและความแม่นยำ
คุณสมบัติสำคัญของ CONTOUR®PLUS ONE
- แสดงผลผ่านระบบไฟสี smartLIGHT®
- ความแม่นยำสูง ได้รับการรับรองตามมาตรฐาน ISO 15197: 2013
- เทคโนโลยี Second-Chance® Sampling เพิ่มเลือดตัวอย่างได้ 2 ครั้ง
- ใช้งานร่วมกับแอพฯ CONTOUR®DIABETES สำหรับการจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูล
CONTOUR®PLUS
เครื่องวัดน้ำตาลรุ่นพื้นฐานที่ยังคงรักษามาตรฐานที่สูง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความเรียบง่ายในการใช้งาน
คุณสมบัติหลักของ CONTOUR®PLUS
- ใช้งานง่าย เพียงเสียบ แตะ อ่าน
- ใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องปรับตั้งค่าใดๆ
- เทคโนโลยี Second-Chance® Sampling เพื่อลดความสูญเสียของแถบทดสอบ
- การรับรองคุณภาพตามเกณฑ์ ISO 15197: 2013
CONTOUR®PLUS ทุกรุ่นมีความแม่นยำ น่าเชื่อถือ และใช้งานง่าย เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคอ้วนที่ต้องการติดตามระดับน้ำตาลอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการเกิดโรคเบาหวานและภาวะแทรกซ้อนต่างๆ
โรคอ้วนไม่ใช่เพียงปัญหาด้านรูปลักษณ์ แต่เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อโรคเบาหวานและโรคร้ายแรงอื่นๆ การเข้าใจสาเหตุและอันตรายจากโรคอ้วน รวมทั้งความสัมพันธ์กับโรคเบาหวาน จะช่วยให้เราตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพอย่างจริงจัง การป้องกันโรคอ้วนด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
การป้องกันโรคอ้วนด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ควบคุมอาหาร และออกกำลังกายสม่ำเสมอ ร่วมกับการติดตามสุขภาพด้วยเครื่องวัดน้ำตาล จะช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มคุณภาพชีวิตในระยะยาว หากมีข้อสงสัยหรือต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการดูแลรักษาสุขภาพที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพที่สุด

Biogenetech พันธมิตรด้านการดูแลสุขภาพของคุณ
Biogenetech เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายนวัตกรรมทางการแพทย์และผลิตภัณฑ์ยาจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลกไม่ว่าจะเป็น วัคซีน ผลิตภัณฑ์ชีวบำบัด และเครื่องตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด เป็นต้น ซึ่งบริษัทฯ มีประสบการณ์ในการดำเนินงานมานานกว่า 30 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2536 อีกทั้งยังเป็นพันธมิตรกับสภากาชาดไทย และสถาบันพัฒนาด้าน Biotechnology ชั้นนำจากทั่วโลก อาทิ CNBC, CDIBP, Guerbet, GC Pharma และอีกมากมาย ตลอดระยะเวลาดำเนินการมา Biogenetech มุ่งมั่นที่จะช่วยในการยกระดับมาตรฐานสาธารณสุขในประเทศไทย ปกป้องประชาชนชาวไทยให้ปลอดภัยจากโรคนานาชนิดอย่างยั่งยืน
ติดต่อ Biogenetech ผ่านช่องทางต่างๆ ดังนี้
ฝ่ายบริการลูกค้า
โทร: (66) 0-2748-9333 ต่อ 8401, 8402
ฝ่ายเครื่องตรวจน้ำตาล Contour: 065-503-2555
ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์: 1800-291-245
อีเมล: emarketplace@biogenetech.co.th
เว็บไซต์: www.biogenetech.co.th