เข้าวัยกลางคน อายุ 40 เสี่ยงโรคอะไรบ้าง

วัยกลางคน ถือเป็นช่วงเวลาหนึ่งที่สำคัญในชีวิต เพราะนอกจากจะเป็นหมุดหมายของชีวิตแล้ว ร่างกายของคนวัยกลางคนจะเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด และหากปล่อยปละละเลย หรือดูแลร่างกายอย่างไม่ถูกต้อง อาจทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยหรือภาวะต่างๆ ที่อาจพัฒนาเป็นโรคเรื้อรังในวัยชราได้
ในบทความนี้จะมาแนะนำเกี่ยวกับ “วัยกลางคน” ว่าช่วงอายุ 40 ขึ้นไปเสี่ยงต่อโรคอะไรบ้าง มีปัญหาสุขภาพอะไรที่ควรคำนึง พร้อมแนะนำแนวทางป้องกัน และการดูแลสุขภาพให้ร่างกายแข็งแรง ให้สามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขต่อไป
วัยกลางคนอายุเท่าไหร่
โดยทั่วไป วัยกลางคน (Middle Age) หมายถึง ผู้ที่อยู่ช่วงอายุ 35-50 ปี ซึ่งเป็นช่วงอายุที่ร่างกายเริ่มเปลี่ยนแปลงทั้งทางกายภาพและจิตใจ โดยในช่วงวัยดังกล่าว ระบบต่างๆ ในร่างกายจะเริ่มทำงานช้าลง ฮอร์โมนเพศเริ่มลดลง หากเป็นผู้หญิงอาจเริ่มมีอาการหมดประจำเดือน และการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายอื่นๆ เช่น เริ่มมีผมหงอก ผิวเหี่ยวย่น หรือน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น
ส่วนทางด้านจิตใจ ผู้ใหญ่วัยกลางคนบางท่านอาจเกิดวิกฤตวัยกลางคน (Midlife Crisis) โดยมีสภาพจิตใจที่ไม่แน่นอน เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย ฮอร์โมน และเป้าหมายในชีวิต จนทำให้เกิดอารมณ์ฉุนเฉียวหรือแปรปรวนได้ง่าย
การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อาจส่งผลให้มีความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะโรคเรื้อรังที่เกิดจากการสะสมของพฤติกรรมการใช้ชีวิตในระยะยาว เช่น โรคหัวใจ ความดันสูง รวมถึงโรคเบาหวาน ดังนั้นผู้ที่เข้าสู่วัยกลางคนควรดูแลสุขภาพทั้งด้านร่างกายและจิตใจเป็นพิเศษ
โรคประจำวัยกลางคน อายุ 40 เสี่ยงโรคอะไรบ้าง
โรคประจำวัยกลางคนที่สามารถพบเจอได้บ่อย มักมีทั้งหมด 6 โรคด้วยกัน ได้แก่
1. โรคข้อเสื่อม
แม้เป็นโรคที่พบบ่อยในกลุ่มผู้สูงอายุ แต่กลุ่มวัยกลางคนก็มีโอกาสเป็นโรคนี้ได้เช่นกัน โดยโรคข้อเสื่อมเกิดจากการเสื่อมของกระดูกอ่อนผิวข้อ ทำให้เกิดอาการปวดข้อ ข้อฝืด และความสามารถในการใช้งานข้อต่างๆ ลดลง โดยเฉพาะข้อเข่า ข้อสะโพก และข้อกระดูกสันหลัง
2. โรคหลอดเลือดสมอง
เป็นภาวะที่ทำให้เซลล์สมองถูกทำลายจากการขาดเลือดเลี้ยง แบ่งเป็นโรคหลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตัน และโรคหลอดเลือดสมองแตก โดยมีอาการที่เป็นสัญญาณเตือนสำคัญ คือ ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ กล้ามเนื้อหน้าอ่อนแรง ปากเบี้ยว และแขนขาอ่อนแรงข้างเดียว และหากรักษาไม่ทันท่วงทีอาจส่งผลให้เกิดอาการอัมพฤกษ์ อัมพาต หรือเสียชีวิตได้
3. โรคหลอดเลือดหัวใจ
โรคหลอดเลือดหัวใจเกิดจากการเสื่อมของผนังหลอดเลือดแดงที่นำเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ สามารถพบมากในวัยกลางคนที่อายุ 40 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะผู้ที่มีคอเลสเตอรอลสะสมเป็นเวลานาน ทำให้หลอดเลือดแดงตีบแคบหรืออุดตัน และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษา โดยมีอาการเริ่มแรกที่ควรระวัง ได้แก่ รู้สึกปวดแน่นบริเวณหัวใจ เหนื่อยง่าย หายใจหอบ และคลื่นไส้อาเจียน
4. โรคความดันโลหิตสูง
ภาวะที่มีระดับความดันโลหิตสูงเรื้อรัง โดยมีตัวเลขค่าความดันตั้งแต่ 140/90 มิลลิเมตรปรอทขึ้นไป และเป็นสาเหตุสำคัญของโรคหัวใจและหลอดเลือด อย่างไรก็ตาม อาการของโรคความดันโลหิตสูงอาจไม่ชัดเจน ผู้ป่วยบางรายอาจไม่มีอาการใดๆ ที่แสดงให้เห็นชัดเจน แต่ในบางรายอาจมีอาการปวดหัว เวียนหัว และเหนื่อยง่ายร่วมด้วย
5. โรคต่างๆ เกี่ยวกับสายตา
เมื่อเข้าสู่วัยกลางคน กล้ามเนื้อยึดเลนส์ตาจะเสื่อมสภาพ ทำให้เกิดภาวะสายตายาวตามอายุ (Presbyopia) และในบางราย อาจมีการเสื่อมของโปรตีนในเลนส์ดวงตา ทำให้ดวงตาขุ่นมัว มองเห็นไม่ชัด และอาการดังกล่าวอาจพัฒนากลายเป็นโรคต้อกระจกที่ทำให้สูญเสียการมองเห็นได้
6. โรคเบาหวาน
เป็นโรคที่เซลล์ร่างกายมีความผิดปกติในการใช้น้ำตาลเป็นพลังงาน ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ โดยมีอาการที่สำคัญ ได้แก่ ปัสสาวะบ่อย กระหายน้ำ ผิวแห้ง ชาที่เท้า และแผลหายช้า โดยวัยกลางคนมีความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในเพศหญิง เนื่องจากปัจจัยหลายๆ อย่าง เช่น น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น ภาวะดื้อต่ออินซูลิน หรือมีการเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมนที่ส่งผลต่อการเผาผลาญน้ำตาล รวมถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม
การตรวจสุขภาพวัยกลางคน ควรตรวจอะไรบ้าง
ด้วยปัญหาสุขภาพต่างๆ วัยกลางคนจึงควรเริ่มต้นดูแลสุขภาพร่างกายตนเองตั้งแต่เนิ่นๆ โดยอาจเริ่มจากการตรวจสุขภาพ เพื่อให้ทราบถึงความเสี่ยงด้านสุขภาพต่างๆ โดยการตรวจสุขภาพของวัยกลางคน ควรครอบคลุมการตรวจคัดกรองโรคต่างๆ ที่มีความเสี่ยงสูงในช่วงวัยนี้ นอกจากการตรวจสุขภาพพื้นฐาน เช่น การตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ และเอกซเรย์ปอดแล้ว วัยกลางคนยังควรเข้ารับตรวจเพิ่มเติม เช่น
- การตรวจประเมินความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ ด้วยการตรวจวัดความดันโลหิต
- การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ และตรวจระดับไขมันในเลือด
- การตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
- การตรวจคัดกรองมะเร็งต่างๆ ตามเพศและวัย เช่น มะเร็งปากมดลูกและมะเร็งเต้านมสำหรับผู้หญิง และมะเร็งต่อมลูกหมากสำหรับผู้ชาย
วัยกลางคนควรดูแลตนเองอย่างไร
การดูแลสุขภาพในช่วงวัยกลางคนควรเน้นการป้องกันโรคและการรักษาสุขภาพให้แข็งแรง โดยมีขั้นตอนการดูแลตนเอง ดังนี้
- เลิกหรือลดการสูบบุหรี่ และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่างๆ
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ครบ 5 หมู่ มีไขมันต่ำ น้ำตาลน้อย และกากใยสูง
- ออกกำลังกายสม่ำเสมออย่างน้อยวันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 5 วัน
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน
- ทำกิจกรรมสันทนาการหรืองานอดิเรก เพื่อผ่อนคลายความเครียด
เครื่องวัดน้ำตาล จำเป็นสำหรับวัยกลางคนหรือไม่
เครื่องวัดน้ำตาล ถือเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่มีความสำคัญสำหรับคนในวัยกลางคน เนื่องจากความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานที่เพิ่มขึ้นในช่วงวัยดังกล่าว การใช้ที่ตรวจเบาหวานอย่างสม่ำเสมอช่วยให้สามารถติดตามระดับน้ำตาลในเลือดได้ตลอดเวลา และในบางรายอาจตรวจพบภาวะก่อนเบาหวานได้เร็วขึ้น และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้ทันท่วงที ก่อนที่จะกลายเป็นโรคเบาหวานโดยสมบูรณ์
สำหรับคนในวัยกลางคนที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน เช่น คนในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคเบาหวาน มีน้ำหนักเกินเกณฑ์ หรือความดันโลหิตสูง การมีเครื่องตรวจเบาหวานสำหรับตรวจด้วยตัวเองจึงเป็นสิ่งจำเป็น และควรเข้ารับการตรวจคัดกรอง เพื่อการรักษาและดูแลตนเองอย่างถูกต้อง
เครื่องวัดน้ำตาลที่แนะนำสำหรับวัยกลางคน
เครื่องวัดน้ำตาล CONTOUR® เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับวัยกลางคน นอกจากจะมีให้เลือกหลายรุ่นตามความต้องการและงบประมาณที่แตกต่างกันแล้ว ทุกรุ่นมีความแม่นยำสูงและผ่านเกณฑ์การทดสอบตามมาตรฐาน ISO 15197: 2015 ทั้ง 3 รุ่น พร้อมกับยังใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน เพื่อให้ผู้ใช้สามารถตรวจเบาหวานด้วยตัวเองได้อย่างมั่นใจ โดยมีเครื่องวัดน้ำตาลรุ่นต่างๆ ดังนี้
CONTOUR®PLUS ELITE
- เครื่องวัดน้ำตาลรุ่นพรีเมียมที่มาพร้อมกับความแม่นยำสูงและฟีเจอร์ครบครัน
- มีไฟสี smartLIGHT® ที่บอกสถานะน้ำตาลในตัวอย่าง
- เทคโนโลยี Second-Chance® Sampling ที่อนุญาตให้เติมตัวอย่างเลือดซ้ำได้ใน 60 วินาที
- สามารถใช้งานร่วมกับแอพฯ CONTOUR®DIABETES สำหรับการจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลการตรวจเลือด
CONTOUR®PLUS ONE
- เครื่องวัดน้ำตาลที่มีรูปร่างที่ทันสมัย พกพาสะดวก คุณสมบัติครบครัน
- แสดงผลผ่านระบบไฟสี smartLIGHT®
- มีความแม่นยำสูงตามมาตรฐาน ISO 15197: 2013
- มีเทคโนโลยี Second-Chance® Sampling
- ใช้งานร่วมกับแอพฯ CONTOUR®DIABETES ได้
CONTOUR®PLUS
- เครื่องวัดน้ำตาลรุ่นเริ่มต้น ราคาเข้าถึงง่าย และยังคงรักษามาตรฐานความแม่นยำสูง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความเรียบง่าย
- ใช้งานง่าย เพียงเสียบ แตะ อ่าน ไม่ต้องปรับตั้งค่าใดๆ
- มีเทคโนโลยี Second-Chance® Sampling
- มาตรฐาน ISO 15197: 2013
สำหรับผู้ที่สนใจซื้อเครื่องตรวจเบาหวานไม่ต้องเจาะเลือด หรือต้องการเปรียบเทียบเครื่องวัดน้ำตาลในเลือดราคาต่าง ควรพิจารณาจากความต้องการใช้งานและงบประมาณที่เหมาะสบของแต่ละคน เพื่อให้ได้เครื่องวัดน้ำตาลที่ตอบโจทย์การใช้งานและคุ้มค่าที่สุด
การเข้าสู่วัยกลางคนเป็นช่วงเวลาที่ต้องให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพมากขึ้น การทราบถึงความเสี่ยงของโรคต่างๆ และการเตรียมพร้อมด้วยการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้สามารถป้องกันและรักษาโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพมาขึ้น รวมถึงการมีเครื่องวัดน้ำตาลสำหรับติดตามระดับน้ำตาลเในเลือก และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต ก็จะทำให้สามารถก้าวผ่านช่วงวัยนี้ไปได้อย่างมีคุณภาพต่อไป

Biogenetech พันธมิตรด้านการดูแลสุขภาพของคุณ
Biogenetech เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายนวัตกรรมทางการแพทย์และผลิตภัณฑ์ยาจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลกไม่ว่าจะเป็น วัคซีน ผลิตภัณฑ์ชีวบำบัด และเครื่องตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด เป็นต้น ซึ่งบริษัทฯ มีประสบการณ์ในการดำเนินงานมานานกว่า 30 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2536 อีกทั้งยังเป็นพันธมิตรกับสภากาชาดไทย และสถาบันพัฒนาด้าน Biotechnology ชั้นนำจากทั่วโลก อาทิ CNBC, CDIBP, Guerbet, GC Pharma และอีกมากมาย ตลอดระยะเวลาดำเนินการมา Biogenetech มุ่งมั่นที่จะช่วยในการยกระดับมาตรฐานสาธารณสุขในประเทศไทย ปกป้องประชาชนชาวไทยให้ปลอดภัยจากโรคนานาชนิดอย่างยั่งยืน
ติดต่อ Biogenetech ผ่านช่องทางต่างๆ ดังนี้
ฝ่ายบริการลูกค้า
โทร: (66) 0-2748-9333 ต่อ 8401, 8402
ฝ่ายเครื่องตรวจน้ำตาล Contour: 065-503-2555
ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์: 1800-291-245
อีเมล: emarketplace@biogenetech.co.th
เว็บไซต์: www.biogenetech.co.th