โรคเบาหวานในเด็ก สัญญาณอันตรายที่พ่อแม่ไม่ควรมองข้าม

โรคเบาหวานในเด็ก เป็นภาวะสุขภาพที่หลายๆ ครอบครัวอาจคิดไม่ถึงว่าจะเกิดขึ้นกับลูกหลานของตน เพราะในความเป็นจริงแล้ว โรคเบาหวานสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกช่วงวัย ไม่ว่าจะเป็นเด็กเล็ก วัยรุ่น หรือแม้แต่ในผู้ใหญ่วัยกลางคน หากปล่อยปละละเลยในการรักษาและดูแลตนเอง โรคเบาหวานก็อาจทำให้เด็กมีสุขภาพร่างกายที่ย่ำแย่ และส่งผลต่อชีวิตประจำวันได้
ในบทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับโรคเบาหวานในเด็กให้มากขึ้น ว่าเด็กเป็นโรคเบาหวานได้หรือไม่ แตกต่างจากโรคเบาหวานในผู้ใหญ่อย่างไร มีอาการและปัจจัยเสี่ยงอะไรบ้าง รวมถึงสัญญาณเตือนของโรคเบาหวานในเด็กที่จะช่วยให้พ่อแม่สามารถดูแลลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ และป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
เด็กเป็นโรคเบาหวานได้หรือไม่
โรคเบาหวานในเด็กถึงวัยรุ่น สามารถเกิดขึ้นได้ และกำลังมีอัตราการเกิดโรคที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมการบริโภคอาหาร การขาดการออกกำลังกาย และปัจจัยทางพันธุกรรมของเด็กๆ ในปัจจุบัน
โดยโรคเบาหวานในเด็ก ถือเป็นภาวะที่น้ำตาลในเลือดของเด็กมีค่าสูงเกินกว่ามาตรฐาน ทำให้ร่างกายไม่สามารถหลั่งฮอร์โมนอินซูลิน ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดออกมาได้เพียงพอ หรือเซลล์ในร่างกายมีภาวะดื้อต่ออินซูลิน จนทำให้เกิดผลเสียต่างๆ ต่อร่างกายและอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตได้
โรคเบาหวานในเด็กมีกี่ประเภท
โรคเบาหวานในเด็ก สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ดังนี้
1. โรคเบาหวานชนิดที่ 1 (Type 1 Diabetes)
เป็นโรคเบาหวานประเภทที่พบบ่อยที่สุดในเด็ก เกิดจากการที่ระบบภูมิคุ้มกันร่างกายทำลายเซลล์ในตับอ่อนที่ผลิตอินซูลิน ซึ่งอาจเป็นผลจากพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อม ทำให้ร่างกายผลิตอินซูลินไม่เพียงพอหรือไม่ผลิตเลย และทำให้ร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลในเลือดไปใช้งานได้ จนเกิดการสะสม และพัฒนาเป็นโรคเบาหวานในที่สุด เด็กที่เป็นโรคเบาหวานประเภทนี้จะต้องฉีดอินซูลินตลอดชีวิต เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่อยู่เสมอ
2. โรคเบาหวานชนิดที่ 2 (Type 2 Diabetes)
โรคเบาหวานในเด็กประเภทนี้ ตับอ่อนของผู้ป่วยจะยังสามารถผลิตอินซูลินได้อยู่ แต่อาจผลิตได้น้อยกว่าที่จำเป็น หรือร่างกายมีภาวะดื้อต่ออินซูลิน ทำให้ร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลไปใช้งานได้ โดยที่โรคเบาหวานในเด็กชนิดที่ 2 สามารถพบได้มากในกลุ่มเด็กที่มีภาวะโรคอ้วนร่วมด้วยและเป็นประเภทที่มีสัดส่วนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน
ความแตกต่างของโรคเบาหวานในเด็กและโรคเบาหวานในผู้ใหญ่
- เด็ก: มักเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 เป็นหลัก เนื่องจากร่างกายขาดอินซูลินอย่างสมบูรณ์
- ผู้ใหญ่: มักเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 เป็นหลัก เนื่องจากร่างกายมีภาวะดื้อต่ออินซูลิน
ด้านอาการ
- เด็ก: มีอาการที่ค่อนข้างรุนแรงและรวดเร็ว อาจเกิดภาวะเคโตแอซิโดซิส (Diabetic Ketoacidosis – DKA) หรือภาวะเลือดเป็นกรดได้ง่าย
- ผู้ใหญ่: มีอาการแบบค่อยเป็นค่อยไป อาจไม่มีอาการในระยะเริ่มต้น
ด้านการรักษา
- เด็ก: ต้องเริ่มฉีดอินซูลินทันทีตั้งแต่เริ่มการรักษาและต้องการการดูแลที่ใกล้ชิดจากครอบครัว
- ผู้ใหญ่: มักเริ่มด้วยการควบคุมอาหารและออกกำลังกาย ก่อนที่จะเริ่มใช้ยาหรืออินซูลินเมื่อมีอาการรุนแรง
ด้านภาวะแทรกซ้อน
- เด็ก: เสี่ยงต่อภาวะน้ำตาลต่ำและน้ำตาลสูงมาก อาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตในระยะยาว
- ผู้ใหญ่: เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคไต โรคตา และโรคหัวใจ
ปัจจัยเสี่ยงโรคเบาหวานในเด็ก
สาเหตุของโรคเบาหวานในเด็กนั้น สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งจากพันธุกรรม สุขภาพและการใช้ชีวิตของเด็กๆ ซึ่งมีปัจจัยเสี่ยงโรคเบาหวานในเด็กที่สำคัญ ดังนี้
ปัจจัยเสี่ยงด้านพันธุกรรม
- กรรมพันธุ์: หากพ่อ แม่ คนในครอบครัวที่ร่วมสายเลือดมีประวัติเป็นเบาหวาน รวมถึงการที่มารดามีประวัติเป็นเบาหวานระหว่างตั้งครรภ์ ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานในเด็กได้
- พันธุกรรมด้านเชื้อชาติ: คนบางกลุ่มเชื้อชาติ เช่น ชาวอเมริกันอินเดียน ชาวแอฟริกัน ชาวแปซิฟิก และชาวเอเชีย ถือเป็นชาติพันธุ์ที่มีแนวโน้มเป็นโรคเบาหวานได้ง่ายกว่าชนชาติอื่นๆ
ปัจจัยเสี่ยงด้านสุขภาพ
- โรคอ้วน: ภาวะน้ำหนักเกิน หรือโรคอ้วนในเด็ก ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้
ปัจจัยเสี่ยงด้านพฤติกรรม
- การบริโภคอาหาร: เด็กๆ มักชอบทานอาหารที่น้ำตาลและไขมันสูง การดื่มน้ำหวานเป็นประจำ ทำให้ร่างกายมีภาวะน้ำตาลในเลือดสูง เสี่ยงต่อทั้งโรคอ้วนและโรคเบาหวานในเด็ก
อาการแรกของโรคเบาหวานในเด็ก ที่อาจเป็นสัญญาณเตือน
พ่อแม่และผู้ปกครองควรให้ความสำคัญเกี่ยวกับอาการแรกของโรคเบาหวานในเด็ก เนื่องจากการตรวจพบและรักษาในระยะเริ่มต้นอย่างทันท่วงทีจะช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อน และช่วยบรรเทาอาการป่วยได้ง่ายขึ้น โดยอาการที่ควรสังเกต มีดังนี้
อาการหลักของโรคเบาหวานในเด็ก
- ปัสสาวะบ่อย (Polyuria): เด็กเข้าห้องน้ำบ่อยและมีปริมาณปัสสาวะมากกว่าปกติ เนื่องจากภาวะน้ำตาลในเลือดที่สูง ทำให้น้ำตาลถูกขับออกมากับปัสสาวะ
- กระหายน้ำมาก (Polydipsia): เด็กดื่มน้ำบ่อยและมากกว่าปกติ เนื่องจากการสูญเสียน้ำจากการปัสสาวะบ่อย ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำและรู้สึกกระหายน้ำมากขึ้น
- หิวบ่อย (Polyphagia): เด็กรู้สึกหิวบ่อย ทานอาหารเยอะกว่าปกติ แต่มีน้ำหนักที่ลดลง
อาการอื่นๆ ที่ควรเฝ้าระวัง
- อ่อนเพลียง่าย
- มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน
- หายใจหอบลึก ชีพจรเต้นเร็ว
- ความดันโลหิตต่ำ
- มีอาการสับสนมึนงง และอาจหมดสติ
ทั้งนี้ อาการของโรคเบาหวานในเด็กแต่ละคนอาจมีความแตกต่างกันตามประเภทของโรคเบาหวาน โดยโรคเบาหวานชนิดที่ 1 จะมีอาการที่เฉียบพลันและรุนแรง ในขณะที่โรคเบาหวานชนิดที่ 2 จะมีอาการที่ไม่รุนแรงเท่า แต่มักเป็นอาการเรื้อรัง โดยเฉพาะในเด็กที่เป็นโรคอ้วน พ่อแม่และผู้ปกครองจึงควรสังเกตอาการของบุตรหลายอย่างใกล้ชิด
โรคเบาหวานในเด็ก รักษาได้หรือไม่
ในปัจจุบัน โรคเบาหวานในเด็กจะยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ก็สามารถควบคุมและรักษาตามอาการ จนทำให้เด็กที่ป่วยสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ โดยมีวิธีการรักษาเบื้องต้นตามประเภทโรคเบาหวานชนิดต่างๆ ดังนี้
การรักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 1
- การฉีดอินซูลินตามที่แพทย์กำหนด
- การควบคุมอาหารอย่างเคร่งครัด
- การติดตามระดับน้ำตาลในเลือดสม่ำเสมอ
- ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม
การรักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 2
- การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินและการออกกำลังกาย
- การใช้ยาลดน้ำตาลหรืออินซูลินตามที่แพทย์สั่ง
- การควบคุมน้ำหนักไม่ให้เกินกว่าที่กำหนด
- การติดตามระดับน้ำตาลในเลือดอย่างสม่ำเสมอ
วิธีป้องกันโรคเบาหวานในเด็ก
การป้องกันโรคเบาหวานในเด็กเป็นสิ่งที่พ่อแม่ทุกคนควรให้ความสำคัญ และเพื่อหลีกเลี่ยงจากความเสี่ยงที่จะเกิดโรค พ่อแม่และผู้ปกครองควรดูแลและป้องกันเด็กๆ ด้วยวิธีการ ดังนี้
การควบคุมอาหาร
- ลดการบริโภคอาหารรสหวานและน้ำหวานต่างๆ
- เพิ่มการบริโภคผักและผลไม้
- เลือกทานข้าวกล้องแทนข้าวขาว
- หลีกเลี่ยงอาหารทอดและอาหารแปรรูปที่มีไขมันสูง
การออกกำลังกาย
- ส่งเสริมให้เด็กเล่นกีฬา ออกกำลังกายเป็นประจำ
- สนับสนุนการทำกิจกรรมกลางแจ้ง ไม่ให้เด็กนั่ง นอนอยู่กับที่ทั้งวัน
การตรวจสุขภาพ
- เข้ารับการตรวจสุขภาพเป็นประจำ
- ตรวจระดับน้ำตาลอย่างสม่ำเสมอหากมีปัจจัยเสี่ยง
- ติดตามน้ำหนักและส่วนสูงของเด็กไม่ให้เกินจากเกณฑ์ปกติ
โรคเบาหวานในเด็ก ควรใช้เครื่องวัดน้ำตาลแบบไหนดี
สำหรับเด็กที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน การมีเครื่องวัดน้ำตาลสำหรับการตรวจวัดประจำวัน ถือเป็นสิ่งที่จำเป็น เพื่อให้ผู้ปกครองและพ่อแม่ สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างแม่นยำมากขึ้น โดยที่ตรวจเบาหวานที่เหมาะสำหรับเด็กควรมีคุณสมบัติดังนี้
คุณสมบัติที่เครื่องวัดน้ำตาลสำหรับเด็กควรมี
- ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน
- ให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำ
- ใช้เลือดปริมาณน้อยๆ ช่วยลดความเจ็บปวด
- มีระบบแสดงผลที่เข้าใจง่าย
พ่อแม่บางท่านอาจเลือกซื้อเครื่องตรวจเบาหวานไม่ต้องเจาะเลือดให้เด็กๆ ใช้ตรวจเบาหวานด้วยตัวเอง เนื่องจากกังวลทั้งในเรื่องของความสะดวกสบายและการที่เด็กๆ บางคนอาจมีอาการกลัวการเจาะเลือด แต่เครื่องตรวจเบาหวานวัดน้ำตาลแบบเจาะเลือดในปัจจุบันได้มีการพัฒนาให้ใช้เลือดในปริมาณที่น้อยลง ลดความเจ็บปวดจากการเจาะ และมีราคาที่ไม่สูงมาก ตอบโจทย์ครอบครัวที่กำลังมองหาเครื่องวัดน้ำตาลในเลือดราคาคุ้มค่าอยู่ไม่น้อย
เครื่องวัดน้ำตาล CONTOUR® ตัวเลือกสำหรับเด็กที่อยากแนะนำ
เครื่องวัดน้ำตาล CONTOUR® เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับเด็ก ด้วยความแม่นยำที่สูงและผ่านเกณฑ์การทดสอบตามมาตรฐาน ISO 15197: 2015 แล้ว เครื่องวัดน้ำตาล CONTOUR® ยังออกแบบมาให้ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน เพื่อให้เด็กและผู้ปกครองสามารถตรวจเบาหวานด้วยตัวเองได้อย่างมั่นใจ โดย CONTOUR® มีเครื่องวัดน้ำตาลรุ่นต่างๆ ที่เหมาะสำหรับเด็ก ดังนี้
CONTOUR®PLUS ELITE
เครื่องวัดน้ำตาลรุ่นพรีเมียมที่เหมาะสำหรับเด็กที่ต้องการการติดตามอย่างใกล้ชิด
คุณสมบัติเด่น
- ไฟสี smartLIGHT® ที่ช่วยให้เด็กเข้าใจผลการตรวจได้ง่ายขึ้น
- เทคโนโลยี Second-Chance® Sampling ที่อนุญาตให้เติมตัวอย่างเลือดซ้ำได้ใน 60 วินาที เมื่อเจาะเลือดไม่พอ
- ใช้เลือดเพียง 0.6 ไมโครลิตร ลดความเจ็บปวดสำหรับเด็ก
- ใช้งานร่วมกับแอปฯ CONTOUR®DIABETES สำหรับให้พ่อแม่ติดตามผลการตรวจของลูก
- ผลการตรวจออกมาใน 5 วินาที รวดเร็ว ไม่ต้องรอนาน
CONTOUR®PLUS ONE
เครื่องวัดน้ำตาลที่มีรูปร่างกะทัดรัด เหมาะสำหรับเด็กวัยรุ่นที่ต้องการความสะดวกในการพกพา
คุณสมบัติเด่น
- ขนาดเล็ก พกพาสะดวก
- แสดงผลผ่านระบบไฟสี smartLIGHT® ที่เข้าใจง่าย
- เทคโนโลยี Second-Chance® Sampling ช่วยลดความผิดพลาดในการเติมตัวอย่างเลือด
- เชื่อมต่อกับแอปฯ CONTOUR® DIABETES ให้ผู้ปกครองติดตามผลการตรวจได้ง่ายๆ
- ใช้งานง่าย ไม่ต้องตั้งค่าซับซ้อน
CONTOUR®PLUS
เครื่องวัดน้ำตาลรุ่นเริ่มต้น เหมาะสำหรับครอบครัวที่เพิ่งเริ่มต้นการดูแลเด็กป่วยเบาหวาน
คุณสมบัติเด่น
- ใช้งานง่ายที่สุด เพียงเสียบ แตะ และอ่านผลลัพธ์
- ไม่ต้องปรับตั้งค่าใดๆ เหมาะสำหรับเด็กเล็ก
- เทคโนโลยี Second-Chance® Sampling ช่วยประหยัดแถบทดสอบในการเติมตัวอย่างเลือด
- ราคาเข้าถึงง่าย เหมาะสำหรับการใช้งานประจำวัน
- หน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ อ่านง่าย
แม้ว่าโรคเบาหวานในเด็กจะเป็นโรคเรื้อรังที่ต้องดูแลร่างกายอย่างสม่ำเสมอ แต่ด้วยการรักษาที่ถูกต้อง การใช้เครื่องมือที่มีคุณภาพ และการสนับสนุนจากครอบครัวและคนใกล้ เด็กสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติและมีคุณภาพชีวิตที่ดี หากพ่อแม่สังเกตเห็นอาการที่น่าสงสัยในลูก ควรรีบปรึกษาแพทย์โดยเร็วที่สุด เพื่อให้ได้รับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสมตั้งแต่ระยะเริ่มต้น และเริ่มป้องกันด้วยการควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย เพื่อให้เด็กมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง พร้อมสู้กับโรคภัยต่างๆ ในอนาคต

Biogenetech พันธมิตรด้านการดูแลสุขภาพของคุณ
Biogenetech เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายนวัตกรรมทางการแพทย์และผลิตภัณฑ์ยาจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลกไม่ว่าจะเป็น วัคซีน ผลิตภัณฑ์ชีวบำบัด และเครื่องตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด เป็นต้น ซึ่งบริษัทฯ มีประสบการณ์ในการดำเนินงานมานานกว่า 30 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2536 อีกทั้งยังเป็นพันธมิตรกับสภากาชาดไทย และสถาบันพัฒนาด้าน Biotechnology ชั้นนำจากทั่วโลก อาทิ CNBC, CDIBP, Guerbet, GC Pharma และอีกมากมาย ตลอดระยะเวลาดำเนินการมา Biogenetech มุ่งมั่นที่จะช่วยในการยกระดับมาตรฐานสาธารณสุขในประเทศไทย ปกป้องประชาชนชาวไทยให้ปลอดภัยจากโรคนานาชนิดอย่างยั่งยืน
ติดต่อ Biogenetech ผ่านช่องทางต่างๆ ดังนี้
ฝ่ายบริการลูกค้า
โทร: (66) 0-2748-9333 ต่อ 8401, 8402
ฝ่ายเครื่องตรวจน้ำตาล Contour: 065-503-2555
ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์: 1800-291-245
อีเมล: emarketplace@biogenetech.co.th
เว็บไซต์: www.biogenetech.co.th